tag:blogger.com,1999:blog-23844638405096497912024-03-19T00:29:55.219-07:00ฝ่ายธุรการbruadmins.blogspot.comฝ่ายธุรการhttp://www.blogger.com/profile/10952305487413710372noreply@blogger.comBlogger9125tag:blogger.com,1999:blog-2384463840509649791.post-63783611362705151052009-10-15T00:50:00.001-07:002009-10-15T00:55:41.380-07:00กินเจ อิ่มบุญ อิ่มสุขภาพ<div><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiR8LxAjnti0JDq4cKgjSLHzQZMjD1APVo9uUcS5DTOgWV0k87F3JFgU7x_g9cKVI5Ptpw92DR5MtwKNJnZA3ihEzPCgjxkDav_Pb1LDe_3ypPVmn501dovH_UbQ-Xj94IHSK6BdjdMi4SN/s1600-h/67043.gif"><span style="color:#993399;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5392731609604269554" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 174px; CURSOR: hand; HEIGHT: 200px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiR8LxAjnti0JDq4cKgjSLHzQZMjD1APVo9uUcS5DTOgWV0k87F3JFgU7x_g9cKVI5Ptpw92DR5MtwKNJnZA3ihEzPCgjxkDav_Pb1LDe_3ypPVmn501dovH_UbQ-Xj94IHSK6BdjdMi4SN/s200/67043.gif" border="0" /></span></a><span style="font-family:courier new;color:#993399;">เทศกาลกินเจกำลังจะมาถึงอีกครั้งแล้ว ในช่วงหลายปีมานี้ในเทศกาลกินเจจะมีอาหารเจหลากหลายรูปแบบทำขายอย่างแพร่หลาย สามารถหาซื้อได้ง่าย สอดคล้องกับมีผู้คนจำนวนมากสนใจหันมาร่วมถือศีล กินเจมากขึ้น สำหรับผู้รักสุขภาพทั้งหลายอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า อาหารเจจะให้สารอาหารครบถ้วนหรือไม่ และหากกินเจต่อเนื่องเป็นเวลานานจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารหรือไม่ อาหารเจมีลักษณะคล้ายกับอาหารมังสวิรัติ คือ ไม่มีส่วนประกอบที่เป็นเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ จะต่างกันตรงที่อาหารเจจะมีข้อห้ามการใช้ส่วนประกอบประเภทผักที่มีกลิ่นฉุน บางชนิดด้วย สารอาหารต่างๆที่เราได้รับจากการกินเจมาจากอาหารประเภทข้าว/แป้ง ถั่วต่างๆ ผัก ผลไม้ และไขมัน เมื่อเรากินผัก ผลไม้เพิ่มขึ้นและหลากหลายขึ้น นอกจากจะได้รับใยอาหารเพิ่มขึ้นช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย ป้องกันท้องผูก ริดสีดวงทวาร มะเร็งลำไส้ เรายังได้รับวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ครบถ้วนมากขึ้น ได้สารต้านอนุมูลอิสระ สารพฤกษเคมี ซึ่งช่วยให้การทำงานของร่างกายให้ดีขึ้น <a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj2yHQGVmkC3DutrPP50sGc0OyP27e3za1_uqvbEzLjPoolvLqPYzUdcplPrxwWctYANNQKp2d_PfAuQDad831FsxZdFgMsYzEStiZPrmCLHAil5KFiR6xf2b9wUzMISua1SrAVyO5juRA0/s1600-h/67045.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5392731784272898498" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 200px; CURSOR: hand; HEIGHT: 132px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj2yHQGVmkC3DutrPP50sGc0OyP27e3za1_uqvbEzLjPoolvLqPYzUdcplPrxwWctYANNQKp2d_PfAuQDad831FsxZdFgMsYzEStiZPrmCLHAil5KFiR6xf2b9wUzMISua1SrAVyO5juRA0/s200/67045.jpg" border="0" /></a></span><span style="font-family:courier new;color:#993399;"><br /><span style="color:#3333ff;">อย่างไรก็ตามยังมีวิตามิน แร่ธาตุและสารอาหารบางชนิดที่พบแต่เฉพาะในเนื้อสัตว์เท่านั้น หรือแม้พบในพืชผักก็อยู่ในรูปที่ร่างกายดูดซึมได้ไม่ดีนัก เช่น วิตามินบี 12 ซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ในผู้ใหญ่ต้องการวิตามินบี 12 เป็นปริมาณน้อยเพียง 2-4 ไมโครกรัมต่อวัน ร่างกายเราสามารถเก็บวิตามินบี 12 ไว้ใช้ได้นาน 3-5 ปี ดังนั้นจึงไม่ค่อยพบภาวะขาดวิตามินบี 12 ในคนทั่วไป แต่เนื่องจากวิตามินบี 12 พบเฉพาะในเนื้อสัตว์เท่านั้น ในผู้ที่กินเจหรือมังสวิรัติเป็นเวลานานจึงมีโอกาสขาดวิตามินบี 12 ได้ ธาตุเหล็ก เป็นแร่ธาตุที่พบทั้งในพืชและสัตว์ ร่างกายของเราต้องการธาตุเหล็กเพียงวันละ 1.5 มิลลิกรัม แต่ธาตุเหล็กที่เรากินเข้าไปจะดูดซึมได้เพียงร้อยละ 10 เท่านั้น ตามข้อกำหนดปริมาณสารอาหารที่คนไทยควรบริโภคต่อวันจึงกำหนดว่าเราควรได้รับธาตุเหล็กวันละ 15 มิลลิกรัม ธาตุเหล็กที่อยู่ในเนื้อสัตว์อยู่ในรูปแบบที่ดูดซึมได้ดีกว่าธาตุเหล็กที่อยู่ในพืชมากกว่า 2 เท่า แต่ธาตุเหล็กที่อยู่ในพืชจะดูดซึมได้ดีขึ้นหากเรากินอาหารที่มีธาตุเหล็ก ร่วมกับอาหารที่มีวิตามินซีสูง ดังนั้นในผู้ที่กินเจหรือมังสวิรัตินานๆ จะป้องกันภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กได้ โดยเลือกกินผักใบเขียวเข้มซึ่งมีธาตุเหล็กอยู่สูงเป็นประจำควบคู่กับการกิน ผัก ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม ฝรั่ง เป็นต้น โปรตีน เป็นสารอาหารที่อยู่ในโครงสร้างของร่างกาย ร่างกายเรามีโปรตีนอยู่ประมาณร้อยละ 18 ของน้ำหนักตัว เราต้องการโปรตีนเพื่อใช้ในการเจริญเติบโต และซ่อมแซมส่วนต่างๆของร่างกาย โปรตีนมีหน่วยย่อยเป็นกรดอะมิโน ซึ่งมีทั้งหมด 20 ชนิด ในจำนวนนี้มี 9 ชนิดที่จัดว่าเป็นกรดอะมิโนจำเป็นเนื่องจากร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ เนื้อสัตว์จัดเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี เนื่องจากมีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน ขณะที่โปรตีนจากพืชจัดว่ามีคุณภาพต่ำ เนื่องจากอาจขาดกรดอะมิโนจำเป็นตั้งแต่หนึ่งถึงหลายชนิดไป ในผู้ที่ไม่กินเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ จะได้รับโปรตีนจากพืชเท่านั้นจึงต้องใส่ใจเลือกพืชผักให้หลากหลาย เนื่องจากพืชผักต่างชนิดจะขาดกรดอะมิโนจำเป็นต่างชนิดกันไป การกินพืชผักให้หลากหลายจึงทำให้เราได้รับกรดอะมิโนจำเป็นครบทุกชนิดร่างกายจะสามารถทำงานได้ตามปกติ </span></span><br /></div><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhqCInykA3O-WMlgvH2LTYMfCgXj_6qkDIBdGGO7CNTmtcvKhhmQo-N2y4_uCy36_EMjn8VQ8yVhOHGvr3U9IiS6296W5jCz44gs0W75G_b_2IQRsGy2ZmfP42dOVeb91fOeAwgVFgPLWoC/s1600-h/67046.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5392732020109009058" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 200px; CURSOR: hand; HEIGHT: 173px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhqCInykA3O-WMlgvH2LTYMfCgXj_6qkDIBdGGO7CNTmtcvKhhmQo-N2y4_uCy36_EMjn8VQ8yVhOHGvr3U9IiS6296W5jCz44gs0W75G_b_2IQRsGy2ZmfP42dOVeb91fOeAwgVFgPLWoC/s200/67046.jpg" border="0" /></a><span style="font-family:courier new;color:#cc0000;">อย่างไรก็ตามร่างกายเรามีความสามารถในการเก็บสารอาหารต่างๆ เพื่อนำออกมาใช้ในยามจำเป็น ดังนั้นการกินเจในช่วงระยะเวลาสั้นเพียง 10 วัน ไม่สร้างปัญหาการขาดสารอาหารแต่อย่างใด แต่ในผู้ที่กินเจเป็นเวลานานควรใส่ใจเลือกชนิดอาหารให้หลากหลายเพื่อให้ได้ สารอาหารครบถ้วนและอาจจำเป็นต้องเสริมวิตามินบี 12 ด้วย<br />เรามาดูกันต่อว่าจะกินเจอย่างไรให้อิ่มทั้งบุญ และอิ่มสุขภาพเราได้อิ่มบุญ คือ ได้ถือศีลทำจิตใจให้บริสุทธิ์ควบคู่ไปกับการกินเจ ซึ่งเป็นการทำบุญไม่เบียดเบียนสัตว์ ส่วนการอิ่มสุขภาพนั้น การงดเว้นเนื้อสัตว์ ไขมันจากสัตว์ให้ประโยชน์ทางสุขภาพกับเราแล้วส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับการเลือกของแต่ละคน อาหารเจที่วางขายทั่วไปมีหลายชนิด บางชนิดมีส่วนผสมของแป้งและไขมันเป็นหลัก เช่น หมี่ผัด ก๋วยเตี๋ยวหรือกับข้าวที่ใช้เนื้อสัตว์เทียมที่ทำจากแป้งหมี่กึง ขนมประเภทปอเปี๊ยะทอด ข้าวโพด เผือก หรือไชเท้าทอด โดยที่อาหารประเภทแป้งเมื่อทอดจะอมน้ำมันมากอยู่แล้วแต่ในการกินขนมยังมีน้ำ จิ้มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลและถั่วลิสงซึ่งเป็นถั่วที่มีไขมันสูงเพิ่มเข้าไปอีก นอกจากนี้การกินแต่แป้งซึ่งย่อยง่ายจะทำให้เราหิวบ่อยขึ้นจึงต้องกินหลายมื้อขึ้น หากเราเลือกกินแต่อาหารเหล่านี้ตลอดเทศกาลกินเจคงไม่เป็นผลดีกับสุขภาพแน่ นอนและยังทำให้น้ำหนักตัวขึ้นได้เนื่องจากเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง แต่หากเลือกกินอาหารที่มีส่วนผสมหลักเป็นผัก เต้าหู้ หรือ โปรตีนเกษตร ซึ่งปรุงโดยใช้น้ำมันปริมาณน้อยหรือไม่ใช้น้ำมัน หลีกเลี่ยงการใช้กะทิ และเลือกผลไม้เป็นอาหารว่างแทนอาหารว่างให้พลังงานสูงอื่นๆ เทศกาลกินเจปีนี้เราคงได้อิ่มบุญและอิ่มสุขภาพถ้วนหน้า</span></div></div>ฝ่ายธุรการhttp://www.blogger.com/profile/10952305487413710372noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2384463840509649791.post-56171583710655496832009-10-13T18:55:00.000-07:002009-10-13T18:59:37.650-07:00ทำไมเครื่องบินในไทย จึงใช้คำว่า HS<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgmHd8CgzDCyk9L7V2kCQwSz8X6E5_4tfwve-qMOyMi3SHUk_s1SBorb31nQqA_-kuJC3ZuMX1tS2mJvnVSXVaPw3FqLc9ZAOAXhcgHSqHDTZue-CFiqH8DLMSefnI40yk-IAZhkjzubXFG/s1600-h/66634.jpg"><span style="font-family:courier new;font-size:130%;color:#3333ff;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5392268712461340434" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 320px; CURSOR: hand; HEIGHT: 213px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgmHd8CgzDCyk9L7V2kCQwSz8X6E5_4tfwve-qMOyMi3SHUk_s1SBorb31nQqA_-kuJC3ZuMX1tS2mJvnVSXVaPw3FqLc9ZAOAXhcgHSqHDTZue-CFiqH8DLMSefnI40yk-IAZhkjzubXFG/s320/66634.jpg" border="0" /></span></a><span style="color:#3333ff;"><span style="font-family:courier new;font-size:130%;">เคยสังเกตกันบ้างไหมว่า เครื่องบินในประเทศไทยได้ใช้สัญลักษณ์การลงทะเบียนอากาศยานที่จดทะเบียนในประเทศไทยที่ขึ้นต้นด้วย <strong><span style="color:#ff6666;">HS</span></strong> หรือที่เรียกกันว่า <strong><span style="color:#ff6666;">Hotel Sierra</span></strong> กันนั้น มีประวัติมาจากหนใดกัน<br />ประเทศที่ขอ Prefix ได้ในช่วงเวลาใกล้ๆกับประเทศไทย ก็มักจะเลือกสัญญาณเรียกขานที่บ่งถึงประเทศตัวเอง เช่น ญี่ปุ่น หรือ JAPAN ได้ JA ส่วน Germany ซึ่งเรียกตัวเองว่า ดอยช์แลนด์ ก็ได้ DL แล้วคำว่า HS ที่นำหน้าสถานีของประเทศไทยนั้นหมายความว่าอย่างไร<br /><span style="color:#993399;">ท่านอาจารย์อุดม จะโนภาษเขียนไว้ว่า "เรื่องนี้ พระวรวงค์เธอพระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร ไชยากรณ์ ซึ่งเป็นโอรสของเสด็จในกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เล่าให้ฟังว่า ในขณะนั้นยังมีอักษรอื่นก่อนตัว <strong>HS</strong> ที่ทรงเลือกอักษร HS เพราะจะให้มีความหมายว่า <strong><span style="color:#ff6666;">"</span><span style="color:#ff6666;">His Majesty The King Of SIAM "</span></strong> ในสมัยนั้นประเทศไทยยังเรียกว่า SIAM อยู่ เวลาเรียกขานทางวิทยุทีหนึ่งก็จะได้เป็นการถวายความเคารพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประเทศไทยจึงมีสัญญาณเรียกขาน ว่า HS ตั้งแต่บัดนั้นมา สถานีโทรทัศน์ เช่น สถานีโทรทัศน์กองทัพบก มีสัญญาณเรียกขานทางวิทยุว่า <strong>HSATV</strong> ฯลฯ"</span></span></span><span style="color:#993399;"> </span>ฝ่ายธุรการhttp://www.blogger.com/profile/10952305487413710372noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2384463840509649791.post-56667562548895108402009-10-05T22:49:00.000-07:002009-10-05T22:52:12.704-07:00ทำไม 1 วันต้องมี 24 ชั่วโมง<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiWprkG4WediUjQ9XUVvM-ip9XIEwwKKb_Ft1Bx2ZBA3oWTK-tTfUekJm5DvxWmlrMgHTZqrKZU62rBCpeEaW4GsRZpDpWDQpQrZ_8rTIGCsvgoOfAHoOILUjUBowyFVEJ_3Cb6NL6P_EiD/s1600-h/66196.jpg"><span style="font-size:85%;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5389360327520360786" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 320px; CURSOR: hand; HEIGHT: 218px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiWprkG4WediUjQ9XUVvM-ip9XIEwwKKb_Ft1Bx2ZBA3oWTK-tTfUekJm5DvxWmlrMgHTZqrKZU62rBCpeEaW4GsRZpDpWDQpQrZ_8rTIGCsvgoOfAHoOILUjUBowyFVEJ_3Cb6NL6P_EiD/s320/66196.jpg" border="0" /></span></a><span style="font-size:85%;"><br /></span><span style="font-family:verdana;font-size:130%;"><span style="font-size:85%;"><strong><span style="color:#ff6600;">อยากทราบไหมค่ะว่า..ทำไม 1 วัน ต้องมี 24 ชั่วโมง</span></strong><br /></span><span style="font-size:85%;color:#3366ff;">7ปฏิทินเกิดขึ้นมาจากการที่นักวิทยาศาสตร์สังเกต และบันทึกการเปลี่ยนแปลง การขึ้น-ลงของดวงจันทร์ ซึ่งเป็นเครื่องหมายของการผ่านพ้นไปในแต่ละวัน และกลายเป็นเดือน เป็นปี ปฏิทินในยุคแรก ใน 1 เดือน จะมี 29-30 วัน และในช่วง 1 เดือนนั้น ดวงจันทร์มีการเปลี่ยนแปลงจากข้างขึ้นไปเป็นข้างแรม 1 รอบ เมื่อการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดครบ 12 รอบ จึงเกิดเป็น 12 เดือนใน 1 ปี แต่ในช่วง 1 ปีของปฏิทินที่เทียบจากการเคลื่อนที่ของดวงจันทร์จะสั้นกว่าที่เป็นจริง ชาวอียิปต์จึงสร้างปฏิทินขึ้นใหม่โดยอาศัยการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์แทน ซึ่งจะได้ปฏิทินใหม่ที่มี 30-31 วัน ใน 1 เดือน และมี 365 วัน หรือ 12 เดือนใน 1 ปี<br />เมื่อมนุษย์เริ่มมีวิวัฒนาการมากขึ้น มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงความเป็นอยู่ต่างๆ มนุษย์จึงเริ่มมีการทำกิจกรรมมากขึ้นในแต่ละวัน สิ่งที่ตามมาก็คือความต้องการในการกำหนดเวลา เพื่อให้มีบทบาทในการกำหนดขอบเขตในการทำกิจกรรมของมนุษย์ในเรื่องต่างๆ เช่น การศึกษา การทำงาน การเล่นกีฬา เป็นต้น มนุษย์ใช้การสังเกตเงาจากดวงอาทิตย์ที่ทาบลงวัตถุบนพื้นโลกใน 1 วัน จึงเกิดการนับช่วงเวลาเป็น ชั่วโมง นาที และวินาทีขึ้น<br />แล้วทำไมถึงต้องมีวันที่ 29 กุมภาพันธ์ เป็นวันพิเศษอีก 1 วัน ซึ่งจะเวียนมาในทุกๆ 4 ปี ทำให้ในปีนั้นมี 366 วันเกิดขึ้น นั่นเป็นเพราะว่าจริงๆ แล้วโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ครบ 1 รอบใช้เวลา 365 วันกับอีก 5 ชั่วโมง 48 นาที และ 45 วินาที เมื่อนำเวลาที่เกินมาในแต่ละปีนั้นมารวมเข้าด้วยกันในทุกรอบ 4 ปี ก็จะได้วันเพิ่มขึ้นมาอีก 1 วัน จึงเกิดวันที่ 29 กุมภาพันธ์ขึ้น การกำหนดให้ในช่วงรอบ 4 ปี โดยที่ 3 ปีมี 365 วัน และอีก 1 ปีมี 366 วัน ทำให้ปฏิทินที่ได้มีความถูกต้องแม่นยำขึ้น</span><span style="color:#3366ff;"> </span></span>ฝ่ายธุรการhttp://www.blogger.com/profile/10952305487413710372noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2384463840509649791.post-396111598015921962009-09-15T22:46:00.000-07:002009-09-17T00:11:25.891-07:00สัตตศิลา 7 ประการ<div align="center"><span style="font-family:courier new;"><span style="font-size:130%;color:#ff0000;"><strong>สัตตศิลา</strong></span> "<span style="color:#3366ff;">หลักเจ็ดประการสำหรับการเปลี่ยนผ่านการศึกษาเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจฐานความรู้"</span></span></div><span style="font-family:courier new;"><div align="left"><br /><span style="color:#6600cc;">คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ดำเนินโครงการวิจัยบูรณาการการเปลี่ยนผ่านการศึกษาเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจฐานความรู้ โดยได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ประเภทโครงการวิจัยบูรณาการ ประจำปี 2548 ซึ่งดำเนินการวิจัยใช้นวัตกรรม “สัตตศิลา” ในการเปลี่ยนผ่านการศึกษา โดยมีสาระตามหลักสัตตศิลา ดังนี้<br /><strong><span style="color:#ff0000;">หลักที่ 1</span></strong> : คุณลักษณะผู้เรียนที่พึงประสงค์ ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่พึงประสงค์ที่ต้องการให้เกิดกับผู้เรียนหรือเรียกสั้น ๆ ว่า คุณลักษณะ 4 ร ซึ่งได้แก่<br /></span><span style="color:#6600cc;"><em><strong><span style="color:#3366ff;">ร 1 : รู้ทันรู้นำโลก</span><br /></strong></em>1.1 ทักษะการแสวงหาความรู้<br />1.2 ทักษะการใช้และจัดการความรู้<br />1.3 ทักษะทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี<br />1.4 ทักษะการวิเคราะห์และแก้ปัญหา<br />1.5 ทักษะทางภาษาและการสื่อสาร<br /></span><span style="color:#6600cc;"><em><strong><span style="color:#3366ff;">ร 2 : เรียนรู้ชำนาญเชี่ยวชาญปฏิบัติ<br /></span></strong></em>2.1 การคิดใหม่ คิดสร้างสรรค์ คิดแจ้งแทงตลอด<br />2.2 จิตมุ่งคุณภาพมาตรฐาน และความเป็นเลิศ<br /><em><strong><span style="color:#3366ff;">ร 3 : รวมพลังสร้างสรรค์สังคม</span></strong></em> </span></span></div><span style="font-family:courier new;"><span style="color:#6600cc;">3.1 การทำงานแบบร่วมมือ เป็นทีม และสร้างเครือข่าย<br />3.2 ความสามารถในการจัดการ<br />3.3 การแข่งขัน/อดทน/สู่สิ่งยาก<br />3.4 การเห็นแก่ส่วนรวม เป็นธรรมและยั่งยืน<br /></span><span style="color:#6600cc;"><em><strong><span style="color:#3366ff;">ร 4 : รักษ์วัฒนธรรมไทย ใฝ่สันติ<br /></span></strong></em>4.1 มีความรักและภูมิใจในความเป็นไทย รักความสงบสันติ<br /><strong><span style="color:#ff0000;">หลักที่ 2</span></strong> : การพัฒนาสู่การปฎิบัติที่เป็นเลิศ (Bench Marking) เป็นวิธีการหนึ่งที่ใช้ในการพัฒนาโรงเรียนสู่ความเป็นเลิศ หรือมาตรฐานได้ โดยยึดองค์กรที่มีการปฏิบัติงานได้มาตรฐานหรือมีความเป็นเลิศ เป็นตัวอย่างหรือเป็นจุดอ้างอิงเพื่อเทียบเคียง<br /><strong><span style="color:#ff0000;">หลักที่ 3</span></strong> : การบริหารจัดการแบบบูรณาการ (iBMS) เป็นระบบการบริหารจัดการศึกษาแบบบูรณาการ (integrated educational management system, iEMS) เป็นชุดขององค์ประกอบของการจัดการที่เชื่อมประสานปัจจัยรอบด้าน กระบวนการที่มีกลยุทธ์อันนำไปสู่ผลลัพธ์เข้าด้วยกัน เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เกิดผลการเรียนรู้ตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน<br /><strong><span style="color:#ff0000;">หลักที่ 4</span></strong> : 4 F การจัดหลักสูตรที่พัฒนาผู้เรียนเป็นสำคัญ ซึ่งเป็นการจัดหลักสูตรให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียนเป็นรายบุคคลซึ่งมีศักยภาพแตกต่างกัน ตามความถนัด ความสนใจ และความชอบของผู้เรียนแต่ละคน หรือเรียกว่า หลักสูตรเสริมสร้างศักยภาพของผู้เรียน (4F) โดยยึดหลัก FUN Find Focus และ Fullfillment<br /><strong><span style="color:#ff0000;">หลักที่ 5</span></strong> : CRP – Plus การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยมีรูปแบบการสอนแบบ CRP ที่เหมาะสมกับรายวิชาที่มีลักษณะของรายวิชาและจุดประสงค์แตกต่างกัน ซึ่งได้แก่รูปแบบการเรียนการสอนแบบตกผลึก (C) รูปแบบการเรียนการสอนแบบใช้วิจัยเป็นฐาน( R ) และรูปแบบการเรียนการสอนเชิงผลิตภาพ (P)<br /><strong><span style="color:#ff0000;">หลักที่ 6</span></strong> : NET การพัฒนาทักษะการรู้สารสนเทศ ซึ่งเป็นทักษะการเรียนรู้ที่สามารถนำไปใช้เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยมีขั้นตอนการพัฒนาทักษะการรู้สารสนเทศคือการกำหนดภารกิจ การตรงจุดเข้าถึงแหล่ง การประเมินสารสนเทศ และการบูรณาการวิถีการใช้งาน<br /><strong><span style="color:#ff0000;">หลักที่ 7</span></strong> : 3 M บทบาทของผู้เกี่ยวข้อง ผู้เกี่ยวข้องในการสร้างโอกาสการเรียนรู้มีทั้งครู โรงเรียน ครอบครัว พ่อแม่ผู้ปกครอง นักเรียนและชุมชน ซึ่งมี 3 บทบาท ได้แก่ M1 : บทบาทของผู้ให้กำลังใจ ( Moral Supporter ) M2 : บทบาทผู้ใส่ใจกำกับ (Monitor) และ M3 : บทบาทของผู้สนับสนุนส่งเสริม (Mentor)<br /></span><span style="color:#3366ff;">จากหลักสัตตศิลา ทั้ง 7 หลัก มีความเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณลักษณะผู้เรียนที่เป็นหัวใจและเป็นเป้าหมายสำคัญของการจัดการศึกษาที่จะต้องพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุเป้าหมายตามคุณลักษณะที่ต้องการ โดยระบบการบริหารจัดการศึกษาของสถานศึกษา เป็นองค์ประกอบสำคัญในการขับเคลื่อนองค์ประกอบต่าง ๆ อันได้แก่ หลักสูตร การจัดการเรียนการสอน ชุมชนหรือผู้เกี่ยวข้องต่าง ๆ ให้ดำเนินการไปอย่างสอดคล้องและมีประสิทธิภาพ</span></span>ฝ่ายธุรการhttp://www.blogger.com/profile/10952305487413710372noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2384463840509649791.post-80758265253831265382009-09-14T01:17:00.001-07:002009-09-17T00:15:46.846-07:00<embed style="WIDTH: 400px; HEIGHT: 320px" name="flashticker" align="middle" src="http://widget-da.slide.com/widgets/slideticker.swf" type="application/x-shockwave-flash" quality="high" scale="noscale" salign="l" wmode="transparent" flashvars="cy=bb&il=1&channel=3026418949622791642&site=widget-da.slide.com"></embed> <div style="WIDTH: 400px; TEXT-ALIGN: left"><a href="http://www.slide.com/pivot?cy=bb&at=un&id=3026418949622791642&map=1" target="_blank"><img src="http://widget-da.slide.com/p1/3026418949622791642/bb_t024_v000_s0un_f00/images/xslide1.gif" border="0" /></a> <a href="http://www.slide.com/pivot?cy=bb&at=un&id=3026418949622791642&map=2" target="_blank"><img src="http://widget-da.slide.com/p2/3026418949622791642/bb_t024_v000_s0un_f00/images/xslide2.gif" border="0" /></a> <a href="http://www.slide.com/pivot?cy=bb&amp;at=un&amp;id=3026418949622791642&amp;map=2" target="_blank"><img src="http://widget-da.slide.com/m/3026418949622791642/bb_t024_v000_s0un_f00/images/xslide9_1.gif" border="0" /></a> <a href="http://www.slide.com/pivot?cy=bb&at=un&id=3026418949622791642&map=F" target="_blank"><img src="http://widget-da.slide.com/p4/3026418949622791642/bb_t024_v000_s0un_f00/images/xslide42.gif" border="0" /></a></div><br /><p align="center"><span style="font-family:courier new;color:#993399;"><strong>หนุ่ม - สาว ชาวธุรการ</strong></span></p>ฝ่ายธุรการhttp://www.blogger.com/profile/10952305487413710372noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2384463840509649791.post-44902053625770148092009-09-13T21:14:00.000-07:002009-09-13T22:04:56.351-07:00หน้ากากอนามัยป้องกันไข้หวัด 2009<span style="font-family:courier new;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjLrQzIQvNB0NB_AoGNLWCH67wRX9fMBJVKzyRU1ydaPYcqqVrQwFbw0PWsY8K328_mOtIXJY0RQx00EobgeOo79c3MxodnX6gm7K57fjF1oRIXQisBS01R8bqrApPX9Wg54zcDx2hX7qcQ/s1600-h/1.jpg"><span style="color:#000099;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5381172939327492626" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 99px; CURSOR: hand; HEIGHT: 150px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjLrQzIQvNB0NB_AoGNLWCH67wRX9fMBJVKzyRU1ydaPYcqqVrQwFbw0PWsY8K328_mOtIXJY0RQx00EobgeOo79c3MxodnX6gm7K57fjF1oRIXQisBS01R8bqrApPX9Wg54zcDx2hX7qcQ/s400/1.jpg" border="0" /></span></a><span style="color:#000099;">สถานการณ์เชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 กำลังระบาดอย่างต่อเนื่อง คร่าชีวิตผู้คนไปหลายร้อยคนทั่วโลก อย่างในประเทศไทยเอง ก็ถือว่าอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงเช่นกัน เพราะประเทศเรามีอัตราการติดเชื้อมากที่สุดในเอเชียและสูงเป็นอันดับที่ 6 ของโลก<br />ที่ผ่านมา หลายคนคาดการณ์ว่าไข้หวัดใหญ่ 2009 จะยังวนเวียนอยู่ในบ้านเราไปนานอีก 2-3 ปี และถ้าเราไม่เร่งควบคุม ไม่แน่ไข้หวัดร้ายชนิดนี้อาจจะคร่าชีวิตประชากรอีกเป็นพันๆ คนได้<br />เพราะฉะนั้น ทุกวันนี้ทุกฝ่ายจึงเริ่มตื่นตัวมากขึ้น ทั้งภาครัฐเอกชนต่างก็เร่งทางรณรงค์เป็นการใหญ่ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อหวัดระบาดมากไปกว่านี้ ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตอนนี้ ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนก็จะเห็นผู้คนใส่หน้ากากเต็มไปหมดกลายเป็นแฟชั่นสุดฮิตของบรรดาเด็กวัยรุ่นและคนทำงาน<br />ล่าสุด กระแสแฟชั่นผ้าปิดปากนั้นเริ่มฉุดไม่อยู่ เพราะผ้าปิดปากยุคใหม่เริ่มมีลวดลายมากขึ้น ทั้งรูปการ์ตูน ดอกไม้สีสันที่แปลกตา จนเดี๋ยวนี้ธุรกิจแฟชั่นหน้ากาก!! ก็เริ่มคึกคักขึ้นทันตา<br />เท่านั้นยังไม่พอ ทางกระทรวงสาธารณสุข เจ้าเก่า วิทยา แก้วภราดัย ได้จัดประกวดการออกแบบหน้ากากอนามัย ใส่ใจสุขภาพ (The Mask of Hero : Do it Your Self)เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนหันมาทำหน้ากากอนามัยแบบผ้าใช้เอง และสร้างกระแสให้คนไทยยกย่องคนที่สวมหน้ากากอนามัยเมื่อป่วยว่า เป็นฮีโร่ เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009<br />ซึ่งทุกคนสามารถส่งแบบภาพหน้ากากอนามัยได้ที่ themaskofhero@hotmail.com ถึงวันที่ 14 <a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgVRIoDV_PYIjzofNbloOGV8M35f5Xfe1_8kxM5T2ZnPbshP4VDJ7-Yfct4rEjcJft4DBNKODTa4xCsiu25UOIWWYjhnaYTXpTpGnF8o8wslJnkiLKpx57-JTqlpy21iwcCuMUurt200E4X/s1600-h/CASPEZS5.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5381173689731030706" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 105px; CURSOR: hand; HEIGHT: 147px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgVRIoDV_PYIjzofNbloOGV8M35f5Xfe1_8kxM5T2ZnPbshP4VDJ7-Yfct4rEjcJft4DBNKODTa4xCsiu25UOIWWYjhnaYTXpTpGnF8o8wslJnkiLKpx57-JTqlpy21iwcCuMUurt200E4X/s320/CASPEZS5.jpg" border="0" /></a>สิงหาคม ประกาศผลรอบสุดท้ายวันที่ 21 สิงหาคม 2552 นี้<br />ส่วนวันนี้ ทีมคลิกจะขอพาทุกท่านไปสัมผัสกับกระแสแฟชั่นฮิตว่า ตอนนี้ธุรกิจขายหน้ากากบูมขนาดไหน แล้วบรรดาผู้ใช้อย่างเราๆ ท่านๆ คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ เชิญติดตาม<br />หน้ากากอนามัย ในตลาดคึกคัก<br />บรรดาพ่อค้า แม่ค้า ย่านท่าพระจันทร์ อนุสาวรีย์ สยาม จตุจักร ฯลฯ มีการวางขายหน้ากากอยู่หลายร้าน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นร้านที่ขายของกิฟต์ชอป ถ้าหน้ากากลายสวยๆ น่ารักๆ จะวางหรือห้อยตามแผงขายกิฟต์ชอป ก็ยิ่งทำให้เพิ่มความน่าสนใจมากขึ้น นอกจากจะมีการวางขายในร้านกิ๊ฟต์ช็อป แม่ค้า พ่อค้าบางคนก็เลือกที่จะเอาหน้ากากสีสันสวยใส่ตะกร้า พร้อมสายสะพายคอ เดินเร่ขายไปในตลาด<br />ธงไชย บุณเนตร หนุ่มใหญ่ วัย 38 ปี ที่ไปรับหน้ากากมาจากสำเพ็ง เขาบอกว่า ตอนแรกก็ขายพวกกิฟต์ชอปอยู่ แต่พอเห็นหวัดใหญ่ 2009 กำลังมาแรง และผ้าปิดจมูกก็เป็นอุปกรณ์ที่สามารถช่วยป้องกันการแพร่เชื่อได้ ก็เลยเอามาวางขายผืนละ 10 บาท<br />“บางทีก็หมดก่อน จึงต้องโทร.สั่งสินค้า เพราะตอนนี้เป็นที่ต้องการของตลาดมาก ของผมไม่เน้นลวดลาย มีสีขาว ฟ้า ชมพู ซึ่งส่วนใหญ่คนที่มาซื้อจะมีทุกวัยเลยและไม่ได้เป็นหวัด มีอยู่รายหนึ่งบอกผมว่า ไม่ได้เป็นหวัดหรอก แต่ซื้อไปป้องกัน เพราะเขาไม่รู้ว่าใครจะเป็นหวัดบ้าง เลยต้องป้องกันไว้ก่อน วันหนึ่งๆ ขายได้ 200-300 ผืน ซึ่งก็ถือว่าขายดีมาก”<br />โมเม เจ้าของร้านขายนาฬิกา วัย 22 ปี บอกว่า แต่ก่อนก็ไม่ได้ขายหน้ากาก แต่พอมีหวัดระบาดและเห็นว่าผ้าปิดจมูกมีส่วนช่วยในการป้องกันการแพร่ระบาด ที่สำคัญบางคนก็ไม่ได้เป็นหวัด แต่เขาต้องการป้องกัน พอใส่แล้วผ้าปิดจมูกมันก็มาอยู่ตรงหน้าเรา จึงคิดว่าถ้ามีลวดลายสวยน่ารัก พวกวัยรุ่น เด็กเล็กๆ ต้องชอบแน่ๆ เลยหันมาคิดแบบผ้าปิดจมูกที่มีสีสัน ไม่ว่าจะเป็นชมพู ส้ม แดง ฟ้า พร้อมตัวการ์ตูนน่าจะขายดี ซึ่งมันก็เป็นความจริง เพราะที่ขายมาวันหนึ่งๆ ขายได้ ถึง 500 ผืน ซึ่งถือว่าขายดีมาก<br />สอดคล้องกับ ชุติมา แสนทวีสุข ผู้ผลิตผ้าปิดปากแฟนซี และเจ้าของร้าน ‘ร้านอะไร’ ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น บอกกับทีมงานว่า ขณะนี้มียอดสั่งซื้อหน้ากากา แบบที่มีลวดลายจากลูกค้ารายย่อยในกรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ เพิ่มเป็นจำนวนมาก ยอดสั่งวันหนึ่งๆ ถึง 40-50 โหล จนผลิตแทบไม่ทัน ลูกค้ากระหน่ำโทร.มาสั่งซื้อผ้าปิดปากตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน จนเบอร์โทรศัพท์เจ๊งไปเบอร์หนึ่ง ช่วงนี้ถึงขนาดต้องปิดร้านเพื่อทำหน้ากากอนามัยเลยทีเดียว ต่างกับตอนที่ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ 2009 ยังไม่แพร่ระบาดเข้ามาในเมืองไทย ที่ขายไม่ดีเลย นานๆ จึงจะมีลูกค้าสั่งซื้อ<br />“ยอดผลิตเพิ่มขึ้นจากตอนที่ไข้หวัดใหญ่ 2009 ยังไม่แพร่ระบาดหลายเท่าตัว ทำให้ราคาผ้าที่นำมาผลิตถีบตัวสูงขึ้นตาม บางทีผ้าที่รับมาจากโรงงานเกิดขาดตลาด เราจึงตระเวนรับซื้อจากแม่ค้ารายเล็กๆ และต้นทุนในการผลิตก็สูงขึ้นด้วย” เธอตัดพ้อเล็กน้อย เพราะหน้ากากอนามัยที่ชุติมาทำเป็นแบบแฮนด์เมด ไม่ได้ผลิตในโรงงานใหญ่โตอะไร พร้อมเล่าที่<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiLkltDXexQePONKhaBUq-VtrIb0BBxC5NMqkF8P0XPTBAajKwYUSm5otqSEjX6jVSAX74D6Pp51zLVmv5SCTxWN9teBbutdMQBfNkN6o9DqFvIMj8FfxVrK6xLzY5_GDRU5wQTyDnAOOOB/s1600-h/f2.gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5381174217263390562" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 200px; CURSOR: hand; HEIGHT: 127px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiLkltDXexQePONKhaBUq-VtrIb0BBxC5NMqkF8P0XPTBAajKwYUSm5otqSEjX6jVSAX74D6Pp51zLVmv5SCTxWN9teBbutdMQBfNkN6o9DqFvIMj8FfxVrK6xLzY5_GDRU5wQTyDnAOOOB/s200/f2.gif" border="0" /></a>มาที่ไปของหน้ากากอนามัยแฟนซี<br />“อีกอย่างร้านเราขายสินค้าเด็กอยู่แล้ว ไม่ได้ขายหน้ากากอนามัยอย่างเดียว มีอยู่ครั้งหนึ่งได้ไปเห็นตอนที่เด็กเล็กๆ เป็นไข้หวัด แล้วไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัยธรรมดา จึงคิดหาวิธีให้เขายอมใส่ คิดไปคิดมา เลยค้นพบว่าน่าจะเพิ่มลวดลายการ์ตูนน่ารักๆ และสีสันต่างๆ ลงบนหน้ากากเพื่อเอาใจเด็กๆ ปรากฏว่าเด็กชอบ เราจึงผลิตเรื่อยมา”<br />ชุติมาบอกเราว่า ต้นทุนผลิตหน้ากากตกอยู่ประมาณ 20 กว่าบาทต่อชิ้น สูงกว่าหน้ากากอนามัยธรรมดา เพราะต้องมีการพิมพ์ลวดลาย ในวันข้างหน้า แม้จะผ่านพ้นช่วงระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ไปแล้ว เจ้าของร้าน ร้านอะไร เชื่อว่า หน้ากากอนามัยแฟนซีจะยังได้รับความนิยมจากผู้ใช้อยู่ ไม่เลือนหายไปตามกระแส<br />ขณะที่ อ้อม เจ้าของร้านกิฟต์ชอปที่หันมาขายผ้าปิดจมูกด้วย โดยออกแบบลายเอง บอกว่าทำมาขายไม่นาน ซึ่งก็มีส่วนหนึ่งรับมา ขายผืนละ 30 บาท ส่วนแบบที่ทำเองก็จะซื้อแค่ผ้าปิดจมูกมาเป็นสีๆ แล้วเอาตัวการ์ตูน หมีแพนด้า คิตตี้ มาติด ผืนละ 25 บาท<br />“มีความคิดที่จะทำขาย เพราะว่าไปเจอผ้าปิดจมูกที่สยาม แต่ราคาแพงมาก 50 ถึง 100 ซึ่งต้องยอมรับว่ามันมีสีสันสวยและน่ารักมาก อ้อมจึงเอามาดัดแปลงแปลงและทำขายเองในราคาที่ไม่แพงมาก”<br />อ้อมบอกอีกว่า สาเหตุอีกข้อที่ทำออกมาขายเพราะเธออยู่ในแหล่งชุมชน มีคนพลุกพล่านตลอดเวลา ขายของก็ต้องเจอคนเยอะ เอามาขายจะได้ใส่เองและป้องกันการแพร่เชื้อด้วย<br />“แต่ก่อนทางโรงพยาบาลอาจจะแจกผ้าปิดปากให้ประชาชน แต่นั่นพอใส่ได้หนสองหนก็ต้องทิ้ง เพราะมันซักไม่ได้ แต่ของอ้อมที่ทำขึ้นมาสามารถซักทำความสะอาดได้ และที่เด็ดไปกว่าร้านอื่นคือ อ้อมใส่คำแนะนำ การป้องกันหวัด 2009 ไว้ด้านหลังของผ้าปิดจมูก ซึ่งมันน่าจะสามารถช่วยเหลือลูกค้าให้หันมาระวังสุขภาพ และหากใครเป็นหวัดก็ควรรีบไปหาหมอและใส่หน้ากากป้องกันการแพร่เชื้อ”<br />แฟชั่นหน้ากากมาแว้ว!!!<br />ส่วนความนิยมของแฟชั่นหน้ากากของหนุ่มสาววัยทีนย่านสยามสแควร์ จะเท่หรือเก๋ อินเทรนด์ขนาดไหนนั้น ทีมคลิกได้ไปเดินสำรวจ และพบกับพนักงานสาวออฟฟิศ คณิตา ยิ้มหนองเต่า เธอโชว์หน้ากากอนามัยลวดลายแมวเหมียวให้เราดู<br />“จริงๆ ใช้ทั้งหน้ากากอนามัยธรรมดาและหน้ากากอนามัยที่มีลวดลายค่ะ เลือกแบบนี้เพราะเป็นลายการ์ตูนน่ารักดี แถมเป็นผ้าสามารถซักได้ด้วย”<br />เดินไปสักพัก เห็นลวดลายการ์ตูนบนหน้ากากอนามัยของ วิลาสินี เสถียรภาพงษ์ พนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง มันช่างเด่นสะดุดตาเสียจริง<br />“อยากเปลี่ยนรูปแบบเดิมๆ ของหน้ากากอนามัยให้สดชื่นสดใสขึ้นค่ะ ใส่แบบธรรมดาไม่มีลวดลายอะไรก็เหมือนคนอื่นสิค่ะ ขอแตกต่างนิดหนึ่ง” พูดจบเธอขอตัวไปซื้อหน้ากากอนามัยเพื่อนำไปฝากเพื่อนที่ทำงาน<br />นอกจากนี้ ทีมงานยังพบกับหน้ากากสีแจ่มๆ บนใบหน้าของ กานติมา มัชฉากิจ นักศึกษาสาว ที่เดินอวดหน้ากากอนามัยที่เต็มไปด้วยดวงดาวสีสัน สดใส รับกับบุคลิกสดใส ร่าเริงของเธอ<br />“มีหน้ากากอนามัยสีขาวธรรมดาๆ อยู่อันหนึ่งแล้วค่ะ อยากเปลี่ยนอะไรใหม่ๆ มั่ง ขอเป็นหน้ากากอนามัยที่น่ารักๆ แบบแฟชั่นหน่อยละกันเนอะ จะได้แมตช์กับชุดและกระโปรง” เธอพูดพลางยิ้ม<br />หน้ากากของคุณเป็นแบบไหน?<br />เห็นว่ากระทรวงสาธารณะสุข เขาจัดออกแบบผ้าปิดจมูกกัน ทีมคลิกเลยอยากรู้ว่า คนในวงการดารา พิธีกร แพทย์ เขาอยากให้หน้ากากตัวเองออกมาเป็นแบบไหน <a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg6B3jsQHsV9Eu_4eZVHk_LtCz03lNpp0J7xWY1d9E_dO6aPf4eecXGNSz2Ltcu2Vx8fxSScUofZyy4A_1fGs83zeZnK6qvfo-mdd877nV3lDZkBxNhsIjF0PpY3fBbNs9zCDRDYrThulZn/s1600-h/f1.gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5381174428038301330" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 200px; CURSOR: hand; HEIGHT: 128px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg6B3jsQHsV9Eu_4eZVHk_LtCz03lNpp0J7xWY1d9E_dO6aPf4eecXGNSz2Ltcu2Vx8fxSScUofZyy4A_1fGs83zeZnK6qvfo-mdd877nV3lDZkBxNhsIjF0PpY3fBbNs9zCDRDYrThulZn/s200/f1.gif" border="0" /></a><br />เริ่มที่สาวร่างเล็ก สมาชิกแก๊งคสามช่า ตุ๊กกี้ สามช่า-สุดารัตน์ บุตรพรหม ตลกหญิงชื่อดัง เธอบอกว่า หน้ากากของเธอต้องเป็นหน้ากากสีขาว ตรงกลางเป็นรูปมือทำท่าสวัสดี สีเนื้อ เพราะเหมือนเป็นการทักทายสวัสดีกัน<br />“เวลาที่ตุ๊กกี้ปิดจมูกก็ไม่มีใครเห็นหน้าตุ๊กกี้ แต่ถ้าใส่หน้ากากรูปมือสวัสดีก็เป็นการทักทายคนอื่นไปในตัวด้วยเลย แต่ถ้าไม่มีหน้ากากรูปมือสวัสดี ก็ขอเป็นอักษรที่เขียนว่า สวัสดี ก็ได้คะ”<br />ด้าน คมสัน นันทจิต นักเขียน พิธีกร บอกว่า หากเป็นไข้หวัด คงใส่หน้ากากแบบธรรมดาที่มีขายทั่วไป ที่เป็นสีขาว สีฟ้า แต่จะไม่ใส่หน้ากากที่เป็นแปลกประหลาดหรือเป็นแฟชั่น เพราะทำให้เขารู้สึกเหมือนมีคนสนใจและมองตลอดเวลา ที่สำคัญความรู้สึกอายก็จะตามมาด้วย<br />ขณะที่ ดร.อโณทัย คล้ามไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจความปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และคู่ชีวิตของ องอาจ คล้ามไพบูลย์ แบ่งปันไอเดียในการออกแบบหน้ากากอนามัย<br />“หน้ากากอนามัยลายดอกปีบค่ะ เพราะแสดงถึงความเป็นไทยได้ดี ดอกปีบสีขาว เนื้อผ้าของหน้ากากสีชมพูหวานแหววเลยค่ะ ผู้หญิงน่าจะชอบ ใส่แล้วสวย และเด่นสะดุดตาด้วย”<br />คงเดาได้อย่างไม่ยากเย็นนักว่า ไอเดียออกแบบหน้ากากอนามัยของผู้บริหารอารมณ์ดี ธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานพาณิชย์ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทค จะออกมาเป็นอย่างไร<br />“ขอเป็นหน้ากากอนามัยที่มีรูปรอยยิ้มสีแดงที่หลายๆ คนน่าจะคุ้นเคยกันดี ตัวผ้าเป็นสีขาวครับ สาเหตุที่เลือกออกแบบเป็นรูปรอยยิ้มเพราะเวลาใส่ไปไหนมาไหนคนที่เห็นจะชื่นชอบ ยิ้มร่าเริง สร้างสีสันให้ทั้งผู้ใส่และผู้พบเห็นได้”<br />ทายกันเล่นๆ สิว่า หน้ากากอนามัยไอเดีย ผศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต หัวหน้าสาขาวิชาเทคโนโลยีทางอาคาร คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นักออกแบบและหุ้นส่วนแบรนด์ Osisu จะบรรเจิดขนาดไหน<br />“ผมว่าลองเอาเสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้วของแต่ละคนมาตัดเย็บเป็นหน้ากากอนามัยดู น่าจะเข้าท่า เพราะทุกคนคุ้นเคยกับมันอยู่แล้ว ยิ่งช่วงที่หน้ากากอนามัยขาดตลาดด้วยแล้ว ไอเดียนี้น่าจะเวิร์ก ลองนึกภาพตามได้เลยครับ ที่หน้ากากอนามัยของแต่ละคนจะมีลวดลายและสีสันต่างกันไป แต่น่าจะกำหนดสีของหน้ากากไว้นะ คนเป็นหวัดใส่หน้ากากสีนี้ คนไม่เป็นใส่อีกสี และทุกคนต้องมีจิตสำนึก เคารพกติกา เลือกสีหน้ากากให้ตรงกับสภาพร่างกายที่แท้จริงของตัวเอง ไม่ลักไก่”<br /></span><span style="color:#ff0000;"><strong>สวมหน้ากากถูกวิธี ทำอย่างไร?<br /></strong></span><span style="color:#cc33cc;">นพ.สมชัย นิจพานิช รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ออกมาแนะว่า เบื้องแรกควรจัดผ้าปิดให้อยู่บริเวณตั้งแต่จมูกจนถึงคาง พยายามให้เนื้อผ้าแนบสนิทกับจมูกมากที่สุด แต่อย่าดึงสายรัดให้แน่นเกินไปจนหายใจไม่สะดวก และอย่าให้มือไปสัมผัสกับเนื้อผ้าบริเวณด้านในที่ติดกับจมูกและปาก เพราะอาจเป็นช่องทางที่นำพาเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายก็ได้ จำไว้ให้ดีว่าหน้ากากอนามัยแบบกระดาษควรเปลี่ยนวันละครั้ง ส่วนหน้ากากอนามัยแบบผ้าสามารถซักทำความสะอาด ผึ่งแดดแล้วนำมาใช้ใหม่ได้</span></span>ฝ่ายธุรการhttp://www.blogger.com/profile/10952305487413710372noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2384463840509649791.post-85080450182904613752009-09-13T19:33:00.000-07:002009-09-13T21:50:56.455-07:00บุคลากรฝ่ายธุรการ<div align="center"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjJCdc_oW1NE5WyNmkfkqTfONyjOPnMJ4Dv2Hd3bil0oS-fkEGcKP5HIof9qrb7jqhif_SOeVbs7kkvoSgJJODZsVAdpfMN5uwvqiQuIS7_UrAZDmzTlhjRulIjgjpj6YIY77TEWRegedOX/s1600-h/ธน.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5381161999678786930" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 150px; CURSOR: hand; HEIGHT: 200px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjJCdc_oW1NE5WyNmkfkqTfONyjOPnMJ4Dv2Hd3bil0oS-fkEGcKP5HIof9qrb7jqhif_SOeVbs7kkvoSgJJODZsVAdpfMN5uwvqiQuIS7_UrAZDmzTlhjRulIjgjpj6YIY77TEWRegedOX/s200/%E0%B8%98%E0%B8%99.jpg" border="0" /></a><strong><span style="font-size:180%;color:#3366ff;">สิบเอกสุธนธ์ ธนะภูมิชัย</span></strong><br /><div align="center"><span style="font-size:130%;color:#ff0000;">..หัวหน้างานธุรการ..</span> </div><br /><div align="center"></div><br /><br /><div align="left"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhIheldWDYMLyhFonBOdGhz4IAonv9aN6xoYWJ2Dr05QNELNSGeKVWVkNfVEgtKG6psePnKBptwW6-1ffOX756cwLG-OWvyNkUFB8l0on1BiAor8UuVVqz1y39f9CJo_nE48LpU4leDeknm/s1600-h/ผึ้ง.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5381154871159516626" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 150px; CURSOR: hand; HEIGHT: 200px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhIheldWDYMLyhFonBOdGhz4IAonv9aN6xoYWJ2Dr05QNELNSGeKVWVkNfVEgtKG6psePnKBptwW6-1ffOX756cwLG-OWvyNkUFB8l0on1BiAor8UuVVqz1y39f9CJo_nE48LpU4leDeknm/s200/%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87.jpg" border="0" /></a><br /><br /><br /><br /></div><div align="left"><br /></div><span style="font-size:180%;color:#3366ff;"><strong></strong></span><div align="left"><span style="font-size:180%;color:#3366ff;"><strong>น</strong></span><span style="font-size:180%;color:#3366ff;"><strong>างภุมรินทร์ ดีประดับ</strong></span><br /><br /><span style="font-size:130%;"><span style="color:#cc33cc;">..เจ้าหน้าที่บัญชี..</span></span> </div><br /><br /><br /><br /><br /><div align="right"><br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhN0A1JZYkreJPo8ReUTdK0iMjrJR6zzeCi3Qxgp1-mgL0NvxF-BX3cnDhIdohOO-ZBaF7LibCVR7KKZoqzooYE_xWRwZ0wLzYRkb-41NYbjhFUeJJGBavkgS39rETOgEY-yFdGLq5u8iax/s1600-h/ปุ้ย.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5381156886208057698" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 139px; CURSOR: hand; HEIGHT: 200px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhN0A1JZYkreJPo8ReUTdK0iMjrJR6zzeCi3Qxgp1-mgL0NvxF-BX3cnDhIdohOO-ZBaF7LibCVR7KKZoqzooYE_xWRwZ0wLzYRkb-41NYbjhFUeJJGBavkgS39rETOgEY-yFdGLq5u8iax/s200/%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%A2.jpg" border="0" /></a><br /><br /><br /><br /><span style="font-size:180%;color:#3366ff;"><strong></strong></span><br /><br /><br /><span style="font-size:180%;color:#3366ff;"><strong></strong></span><span style="font-size:180%;color:#3366ff;"><strong>นางปัทมา นิลตา</strong></span><br /><br /><span style="font-size:130%;color:#cc33cc;">..เจ้าหน้าที่ธุรการ..</span><br /></div><br /><br /><div align="right"><strong><span style="color:#cc33cc;"></span></strong></div><br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhkgeFnqWmO0BhYjRL6MAxEf3UknuyzCHvU8DF8pZtVn0EY1WhOXjJ0SL8A1G4UbOVziXQKAHQ_VMHR2GFCnBuJfjvYJOgfLmoc1Cbf8XVmgizWLjsJpA2rgySjK9vbNlXn7CrkGd9pEW6N/s1600-h/à¸à¹‰à¸²à¸¢.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5381157771544427186" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 150px; CURSOR: hand; HEIGHT: 200px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhkgeFnqWmO0BhYjRL6MAxEf3UknuyzCHvU8DF8pZtVn0EY1WhOXjJ0SL8A1G4UbOVziXQKAHQ_VMHR2GFCnBuJfjvYJOgfLmoc1Cbf8XVmgizWLjsJpA2rgySjK9vbNlXn7CrkGd9pEW6N/s200/%E0%B8%9D%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2.jpg" border="0" /></a><br /><br /><br /><br /><br /><br /><div align="left"><br /><strong><span style="font-size:180%;color:#3366ff;">นางสาวรัชดา พินิจกุล</span></strong></div><div align="left"><br /></div><div align="left"><span style="font-size:130%;"><span style="color:#cc33cc;">..เจ้าหน้าที่ธุรการ..</span><br /></span></div><br /><br /><br /><br /><br /><div align="right"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjxanDj7ppsF_BIMiySpCpX8urLwomdjBkR-g2KTKpahJwiYyXbun50frFn03yqFhoWTtB4ZxSrQ1YF4UyQVC5mzZ_c11qTVsSA5IVTHqlV4DgffeCYKdymc4lc4WaZ4sFtiBKISpr8aNeT/s1600-h/อ้น.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5381163239930746914" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 170px; CURSOR: hand; HEIGHT: 200px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjxanDj7ppsF_BIMiySpCpX8urLwomdjBkR-g2KTKpahJwiYyXbun50frFn03yqFhoWTtB4ZxSrQ1YF4UyQVC5mzZ_c11qTVsSA5IVTHqlV4DgffeCYKdymc4lc4WaZ4sFtiBKISpr8aNeT/s200/%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%99.jpg" border="0" /></a><br /><br /><br /><br /></div><div align="right"><br /> </div><div align="right"><br /><span style="font-size:180%;color:#3366ff;"><strong>พลฯ จินดา อินทรษร</strong></span></div><div align="right"></div><div align="right"><strong><span style="font-size:180%;color:#3366ff;"></span></strong></div><div align="right"><span style="color:#cc33cc;"><span style="font-size:130%;">..พลทหารประจำฝ่ายธุรการ.. </span><br /></span></div></div>ฝ่ายธุรการhttp://www.blogger.com/profile/10952305487413710372noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2384463840509649791.post-55601041361770916812009-09-13T18:26:00.000-07:002009-09-13T21:00:12.569-07:00วันออกพรรษา<div align="center"><br /><a name="Top"></a><span style="font-size:180%;"><span style="font-family:courier new;"><span style="color:#cc33cc;"><strong>วันออกพรรษา</strong></span></span> </span></div><p><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5381129903789955282" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 221px; CURSOR: hand; HEIGHT: 250px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEghpBjfdPHEP1YOt-UyegwFXoZzbjj-zwAFpt7FIL5mr6-oDrcV1x7xUShk4GOuKpKgSwRWK0xJ3fIjMl5GegvHx1Q9Nxl0EdsMcrDcd91cgMxQnif48g6ys6FYw0afSIDVsYvLreDL4q6A/s320/20080807171243.jpg" border="0" /><span style="font-family:courier new;"><span style="font-size:130%;"><br /></span><span style="font-size:130%;"><span style="color:#3366ff;">ความสำคัญวันออกพรรษา ได้แก่ วันที่สิ้นสุดระยะการจำพรรษา คือ วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ในวันนี้พระสงฆ์จะประกอบพิธีทำสังฆกรรม ซึ่งเรียกว่า <strong><span style="color:#cc66cc;">วันมหาปวารณา</span></strong> คือ การเปิดโอกาสให้ภิกษุด้วยกันว่ากล่าวตักเตือนกันได้ ทั้งนี้เพราะในระหว่างพรรษานั้น พระสงฆ์บางองค์อาจมีข้อบกพร่องที่จำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุง การเปิดโอกาสให้ผู้อื่นว่ากล่าวตักเตือนได้ เป็นวิธีที่จะรู้ถึงข้อบกพร่องของตน ทั้งนี้กระทำโดยเปิดเผย ไม่ถือเป็นเรื่องที่จะมาโกรธเคืองกันภายหลัง หรือเปิดโอกาสให้ซักถามข้อสงสัยซึ่งกันและกัน การกระทำมหาปวารณา เป็นการสังฆกรรมอย่างหนึ่งแทนการสวดพระปาฏิโมกข์ (พระวินัย) ที่ได้กระทำกันทุกๆ ๑๕ วันในช่วงเข้าพรรษา<br /></span><br /></span><span style="font-size:130%;color:#3366ff;">การปฏิบัติตน แม้การปวารณาจะเป็นเรื่องระหว่างพระสงฆ์ด้วยกัน แต่การออกพรรษาก็เป็นวาระสำคัญอีกวาระหนึ่งที่ชาวบ้านจะได้มีโอกาสทำบุญร่วมกัน โดยในวันรุ่งขึ้น คือ วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ มีประเพณีทำบุญตักบาตร ที่เรียกกันว่า ทำบุญตักบาตรเทโว หรือเรียกเต็มๆ ว่า ตักบาตรเมโวโรหนะ สืบเนื่องจากความเชื่อตามตำนานที่ว่าวันนี้เป็นวันคล้าย วันที่พระพุทธเจ้าได้เสด็จลงจากเทวโลกหลังจากที่ได้เสด็จกลับจากการไปโปรดพระพุทธมารดา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์บางวัดอาจจัดพิธีทำบุญตักบาตรธรรมดา แต่บางวัดก็จัดเป็นงานใหญ่โต เสร็จจากการทำบุญตักบาตร พุทธศาสนิกชนจะไปฟังธรรม และรักษาอุโบสถศีล<br /><br />กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันออกพรรษา </span></span><span style="font-family:courier new;"><span style="font-size:130%;color:#3366ff;">๑.ทำบุญตักบาตร อุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติผู้ที่ล่วงลับ </span></span><span style="font-size:130%;"><span style="font-family:courier new;"><span style="color:#3366ff;">๒.ไปวัดเพื่อปฏิบัติธรรม ฟังพระธรรมเทศนา ๓.ร่วมกุศลกรรม "ตักบาตรเทโว" ๔.ปัดกวาดบ้านเรือนให้สะอาด ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือนและสถานที่ราชการ และประดับธงชาติและธงธรรมจักตามวัดและสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา<br /><br /></span><span style="color:#993399;">ประเพณีที่เกี่ยวข้องกับวันออกพรรษา ประเพณีที่เกี่ยวข้องกับวั<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg6uKH3IaCh5y_EmX5bvVoNOcuLU2sYWkt92z3-PY8aUH6falIIrn6TKpr44qh4JQpD_d2bsO0bJJM1pcdA4LUGLiwrJ_Qb_DKtwP1Z5H0r7si7lj2BOzfzthGXYsMk3oMLBKE6tiZ34Lvf/s1600-h/6095983low_copy.gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5381131853663522450" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 303px; CURSOR: hand; HEIGHT: 181px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg6uKH3IaCh5y_EmX5bvVoNOcuLU2sYWkt92z3-PY8aUH6falIIrn6TKpr44qh4JQpD_d2bsO0bJJM1pcdA4LUGLiwrJ_Qb_DKtwP1Z5H0r7si7lj2BOzfzthGXYsMk3oMLBKE6tiZ34Lvf/s320/6095983low_copy.gif" border="0" /></a>นออกพรรษาที่นิยมปฏิบัติ คือ </span></span><br /><span style="font-family:courier new;color:#3366ff;"><em><strong><span style="color:#ff0000;">ประเพณีตักบาตรเทโว</span></strong></em> การตักบาตรเทโว จะกระทำในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 คือหลังออกพรรษาแล้ว 1 วัน ประวัติความเป็นมาของประเพณีการตักบาตรเทโว ในสมัยพุทธกาล เมื่อ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมและเสด็จขึ้นไปโปรดพระพุทธมารดาโดยจำพรรษาอยู่ ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นเวลา 1 พรรษา และเมื่อออกพรรษาแล้ว พระองค์ได้เสด็จกลับยังโลกมนุษย์ ณ เมืองสังกัสสนคร การที่พระพุทธองค์ทรงเสด็จลงมาจากชั้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เรียกตามศัพท์ภาษาบาลีว่า "เทโวโรหณะ"ในครั้งนั้นบรรดาพุทธศาสนิกชนผู้มีความศรัทธาเลื่อมใส เมื่อทราบข่าวต่างพร้อมใจกันไปรอตักบาตรเพื่อ</span></span><span style="font-family:courier new;font-size:130%;color:#3366ff;">รับเสด็จกันอย่างเนืองแน่น จนถือเป็นประเพณีตักบาตรเทโวปฏิบัติสืบทอดกันมาจนตราบเท่าทุกวันนี้<br /><br /></span><a name="Kathin"></a><span style="font-family:courier new;color:#3366ff;"><span style="font-size:130%;"><em><strong><span style="color:#ff0000;">พิธีทอดกฐิน</span></strong></em> ประวัติการทอดกฐิน ในสมัยพุทธกาล เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ ณ พระเชตวนาราม ซึ่งเป็นพระอารามที่อนาถบิณฑิกเศรษฐีได้สร้างถวายเป็นพุทธนิวาส ได้มีภิกษุ 30 รูป ชาวเมืองปาฐา ซึ่งอยู่ด้านทิศตะวันตกในแคว้นโกศล เดินทางมาหมายจะเฝ้าพระพุทธองค์ที่เมืองสาวัตถี แต่มาไม่ทันเพราะใกล้ถึงวันเข้าพรรษา จึงเข้าพักจำพรรษา ณ เมืองสาเกต อันมีระยะทางห่างจากเมืองสาวัตถีราว 6 โยชน์ ภิกษุทั้ง 30 รูป ล้วนแต่เป็นผู้เคร่งครัดปฏิบัติธุดงค์และต่างมีความศรัทธาอย่างแรงกล้าที่จะได้เฝ้าพระบรมศาสดา เมื่อถึงวันออกพรรษาแล้ว ก็รีบเดินทางไปยังเมืองสาวัตถีโดยไม่มีการรั้งรอแม้ว่ายังเป็นช่วงที่ฝนยังตกหนักน้ำท่วมอยู่ทั่วไป แม้จะต้องฝ่าแดดกรำฝน ลุยฝน อย่างไรก็ไม่ย่อท้อ เมื่อภิกษุทั้ง 30 รูป ได้เข้าเฝ้าพระบรมศาสดาสมความตั้งใจแล้ว ครั้นพระองค์ตรัสรู้ถามจึงได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ทรงทราบ พระพุทธองค์จึงตรัสธรรมมิกถา ภิกษุเหล่านั้นก็ได้สำเร็จพระอรหันต์ผลในลำดับนั้น พระบรมศาสดาดำริถึงความยากลำบากของภิกษุเหล่านั้น จึงเรียกประชุมภิกษุสงฆ์ แล้วตรัสอนุญาตให้ภิกษุรับผ้ากฐินได้ สำหรับในเมืองได้ผ่านวันออกพรรษาแล้ว นางวิสาขาได้ทราบพุทธานุญาตและได้เป็นผู้ถวายผ้ากฐินเป็นคนแรก<br /><br /></span></span><a name="Phapa"></a><span style="font-family:courier new;color:#3366ff;"><span style="font-size:130%;"><strong><em><span style="color:#ff0000;">พิธีทอดผ้าป่า</span></em></strong> ประวัติความเป็นมา ในสมัยพุทธกาล เมื่อครั้งที่พระบรมศาสดายังมิได้ทรงอนุญาตให้พระภิกษุทั้งหลายรับจีวรจากชาวบ้าน พระภิกษุเหล่านั้นจึงต้องเที่ยวเก็บผ้าที่เขาทิ้งแล้ว เช่นผ้าเปรอะเปื้อนที่ชาวบ้านไม่ต้องการนำมาทิ้งไว้ ผ้าที่ห่อศพ ฯลฯ เมื่อรวบรวมผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยพอแก่ความต้องการแล้ว จึงนำมาทำความสะอาด ตัดเย็บ ย้อม เพื่อทำเป็นจีวร สบง หรือสังฆาฏิ ผืนใดผืนหนึ่ง การทำจีวรของภิกษุในสมัยพุทธกาลจึงค่อนข้างยุ่งยากหรือเป็นงานใหญ่ ดังที่กล่าวไว้แล้วในเรื่องพิธีทอดกฐิน ครั้นชาวบ้านทั้งหลายเห็นความยากลำบากของพระสงฆ์ต้องการนำผ้ามาถวาย แต่เมื่อยังไม่มีพุทธานุญาตโดยตรง จึงนำผ้าไปทอดทิ้งไว้ ณ ที่ต่างๆ เช่น ในป่า ตามป่าช้า หรือข้างทางเดิน เมื่อภิกษุสงฆ์มาพบ ก็นำเอามาทำเป็นสบง จีวร พิธีการทอดผ้าก็มีความเป็นมาด้วยประการฉะนี้ สำหรับในเมืองไทย พิธีทอดผ้าป่าได้รับรื้อฟื้นขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ด้วยทรงพระประสงค์จะรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีในทางพระศาสนา<br /><br /></span></span><a name="Mahachad"></a><span style="color:#3366ff;"><span style="font-family:courier new;"><em><strong><span style="color:#ff0000;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhJFGBtltRmZ7_XbBnvlE3jaSirBjF3bcI5vARZH75DRioisU3a7TRBCrFXNEum_xJ_WZI1qiv9oZpRBFl_8hTOQ-CrDbIlm6LnvVXd0ZbMVOmTOljj-BrO-34lZb2i_JQWkdKasuREZ20z/s1600-h/images20.jpg"></a><span style="font-size:130%;">ประเพณีงานเทศน์มหาชาติ</span></span></strong></em><span style="font-size:130%;"> ประเพณีการเทศน์มหาชาติจัดเป็นการทำบุญที่สำคัญและมีความหมายที่สุดในสังคมไทย เนื่องจากเป็นประเพณีของพุทธศาสนิกชนชาวไทยที่ทำสืบเนื่องมาแต่โบราณจนถึงปัจจุบันเพราะความเชื่</span><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhsW8qUbAh_2YiNdu5NQ3IChYNaYX3TMLaiWKsytoiUzmt8cDp02Cv5eYgt3ISNR3oIUmVqrP4WvQXl1WfOJX9s2PvGOew9DZIfCsx23u9G-sV2TyLkOo07wXdoDy18kc77DLHEaUG04hf5/s1600-h/images20.jpg"><span style="font-size:130%;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5381167417377225938" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 167px; CURSOR: hand; HEIGHT: 110px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhsW8qUbAh_2YiNdu5NQ3IChYNaYX3TMLaiWKsytoiUzmt8cDp02Cv5eYgt3ISNR3oIUmVqrP4WvQXl1WfOJX9s2PvGOew9DZIfCsx23u9G-sV2TyLkOo07wXdoDy18kc77DLHEaUG04hf5/s320/images20.jpg" border="0" /></span></a><span style="font-size:130%;">อว่าถ้าผู้ใดได้ฟังเทศน์มหาชาติแล้วจะได้กุศลแรง และหากใครตั้งใจฟังให้จบใน วันเดียวจะได้เกิดร่วมและพบพระศรีอริยเมตตรัยโพธิสัตว์ซึ่งจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ในพระราชสำนัก ปรากฏเป็นราชพิธีในวังหลวงมาแต่สมัยสุโขทัยแล้ว ในสมัยอยุธยาพระมหากษัตริย์ถึงกับทรงโปรดฯ ให้สร้างพระที่นั่งทรงธรรม ด้วยพระราชประสงค์ให้เป็นที่ทรงธรรมในงานพระราชพิธีเทศน์มหาชาติ พระราชพิธีนี้สืบเนื่องมาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงเกณฑ์พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ ทำกระจาดใหญ่บูชากัณฑ์เทศนาคราวหนึ่ง แม้พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ครั้งที่ทรงดำรงอยู่ในสมณเพศก็ทรงหัดเทศน์กัณฑ์มัทรี จนกลายเป็นธรรมเนียมให้พระราชโอรสถวายเทศน์มหาชาติในวังหลวง ในท้องถิ่น โดยเฉพาะในเขตภาคอีสานถือเป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่สำคัญที่สุดของปีจะจัดขึ้นในราวเดือน 4 เรียกว่า บุญพระเวส ทั้งยังมีประเพณีเกี่ยวเนื่องกับเทศกาลนี้ด้วย เช่น พิธีแห่พระเวสเข้าเมืองและพิธีแห่ข้าวพันก้อนเพื่อบูชาคาถาพัน ทางภาคเหนือ ก็ให้ ความสำคัญกับการเทศน์มหาชาติมาก เห็นได้จากมีประเพณีสร้างหลาบเงินหรือแผ่นเงินแกะลาย แขวนห้อยรอบฉัตร ถวายเป็นเครื่องขันธ์ตั้งธรรมหลวงในงาน ทางภาคใต้นั้นประเพณีเทศน์มหาชาติได้ คลี่คลายไป เป็นประเพณีสวดด้านซึ่งคล้ายคลึงกับการสวดโอ้เอ้วิหารรายอย่างกรุงเทพฯ ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม</span></span> </span></p>ฝ่ายธุรการhttp://www.blogger.com/profile/10952305487413710372noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2384463840509649791.post-33913435226448654822009-09-12T00:55:00.000-07:002009-09-12T00:58:04.820-07:00ทักทายสวัสดี..ชาวบูรณวิทยา..ทุกคน <span style="color:#ff6600;"><<_>></span>ฝ่ายธุรการhttp://www.blogger.com/profile/10952305487413710372noreply@blogger.com0